บพค. ร่วมอภิปรายประเด็นเทคโนโลยีอุบัติใหม่ต่อยอดพัฒนากำลังคนกับผู้บริหารจากองค์กรให้ทุนวิจัยทั่วโลก พร้อมหารือ JST ญี่ปุ่น กำหนดแนวทางผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงร่วมกัน

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุม “13th Funding Agency President’s Meeting (FAPM) ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการประชุมสำหรับผู้บริหารจากองค์กรให้ทุนวิจัยหลักในระดับชาติและนานาชาติทั่วโลก ครั้งที่ 13 จัดโดย Japan Science and Technology Agency (JST) และ German Research Foundation (DFG) ภายใต้การจัดงาน STS Forum 2023 ในหัวข้อ “The Role of Funding Agency in the Development and Mobility of Talent” โดยมีการอภิปรายคำถามสำคัญที่โต๊ะซึ่งมีผู้เข้าร่วมไม่เกินหกคน และมีการนำเสนอข้อสรุปโดยผู้รายงานประจำโต๊ะเมื่อสิ้นสุดการประชุม โดย ศาสตราจารย์ ดร.สมปองฯ ได้รับเชิญให้เป็นประธานประจำโต๊ะ ทั้งนี้ บทสรุปของการอภิปรายจะใช้เป็นข้อมูลสำหรับการประชุมอื่น ๆ เช่น World Science Forum และ Global Research Council (GRC)

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมปองฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนในหัวข้อบทบาทของหน่วยงานให้ทุนในแง่ของเทคโนโลยีอุบัติใหม่ ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาความสามารถของกำลังคน และการสนับสนุนกลไกการส่งเสริมเคลื่อนย้ายบุคลากร (Brain circulation) ที่จะเป็นประโยชน์กับแต่ละประเทศ ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศนั้นมีความสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับนานาชาติ

ต่อมาในวันเดียวกันนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมปองฯ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แก่ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมหารือกับ Prof. Kazuhito Hashimoto, President of the Japan Science and Technology Agency (JST) หน่วยงานให้ทุนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความร่วมมือกับ บพค. ในหลากหลายโปรแกรม อาทิ e-ASIA โดย บพค. มีแนวทางให้การสนับสนุนทั้งนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่และงานวิจัยขั้นแนวหน้า จึงสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของ JST ที่ต้องการผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จากประเทศไทยที่มีความรู้ความสามารถทั้งด้านภาษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มติในที่ประชุมจึงเห็นควรอย่างยิ่งในการวางแผนส่งเสริมการพัฒนากำลังคนทางด้านนี้ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนาน จึงสมควรสานต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้เข้มแข็งต่อไป