เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริปก พิศสุวรรณ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิรินันท์ กุลชาติ รองผู้อำนวยการ บพค. พร้อมด้วยทีมนักวิเคราะห์ เข้าร่วมงานแถลงข่าว “กรุงเทพ กลางแปลง” ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ซึ่งจัดโดยกรุงเทพมหานคร โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ร่วมเป็นเกียรติการแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลกรุงเทพกลางแปลง ปี 2566 พร้อมการเปิดศูนย์ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือ BFMCC (Bangkok Film Making Coordinator Center) ให้เป็นศูนย์ One Stop Service ในการขอถ่ายทำละคร ภาพยนตร์ สำหรับผู้ผลิตทั้งไทยและต่างประเทศ
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้หารือกับสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) สมาคมหนังกลางแปลงแห่งประเทศไทย สมาคมนักแสดง และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันกิจกรรมการส่งเสริมนิเวศของ กทม. ให้เป็นเมืองแห่งสีสันอันเต็มไปด้วยเทศกาลและกิจกรรมศิลปะร่วมสมัยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและ Soft Power ของประเทศไทย นอกจากนี้ กทม. มีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ BFMC ซึ่งเป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จสำหรับการขอใช้พื้นที่ในเขต กทม. เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์อีกด้วย
โอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริปก พิศสุวรรณ รองผู้อำนวยการ บพค. ได้กล่าวแสดงเจตจำนงในการให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ของ กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อสนับสนุนและผลักดันให้ กทม. เป็นแหล่งนิเวศด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นอกจากนี้ บพค. ยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนและร่วมพัฒนาระบบแพลตฟอร์มในรูปแบบอออนไลน์ (Online Platform) สำหรับขอใช้พื้นที่ในเขต กทม. เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์แก่ผู้ผลิตทั้งไทยและต่างประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัล (Digital Technology) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาพัฒนาระบบการขอใช้พื้นที่ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอใช้บริการ โดย กทม. และ บพค. มีแผนลงนามความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ดังกล่าว
บพค.หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็น Digital Creative Content Hub เพื่อตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศผ่าน Soft Power ต่อไป