
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บพค. เข้าร่วมแถลงผลงานกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และความสำเร็จของแผนด้าน ววน. ของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อสะท้อนความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ของแผนด้าน ววน. ที่นำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและชนะอย่างภาคภูมิอย่างภาคภูมิใจ รวมถึงแสดงให้เห็นคุณค่าและผลกระทบที่ ววน. ส่งมอบแก่ประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเปิดเวทีระดับนโยบายเพื่อร่วมกำหนดทิศทางและออกแบบอนาคต ววน. ของประเทศด้วยความหวังและพลังความร่วมมือ

นอกเหนือจากแผนงานพัฒนากำลังคนเชิงยุทธศาสตร์ (P21) โอกาสนี้ บพค. ได้นำเสนอผลการขับเคลื่อนการบูรณาการเชื่อมโยง 4 แผนงานวิจัยและพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่
1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวิจัย (P20)
2) งานวิจัยขั้นแนวหน้า (P18)
3) เทคโนโลยีขั้นแนวหน้าเพื่อการประยุกต์ใช้แก้ปัญหาที่ท้าทายสังคม (P19) และ
4) ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย (P23)
โดยแสดงความเชื่อมโยงและส่งต่อผลผลิตของแต่ละแผนงาน ทั้งนี้ ได้ยกกรณีศึกษาของการยกระดับและพัฒนาห้องปฏิบัติการแสงซินโครตรอนเพื่อตรวจวัดปริมาณสารในระดับ “ppb: ส่วนในพันล้านส่วน” (Parts Per Billion) เพื่อใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการวิเคราะห์ปริมาณสารโลหะหนักจากตัวอย่างน้ำและตะกอนดินด้วยเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน เมื่อนักวิจัยทราบถึงปริมาณและสถานะ Oxidation ของสารหนู (As) จึงทำให้เข้าใจกลไกของการปนเปื้อนในลำน้ำ นำไปสู่การประเมินระดับความเป็นพิษ และสามารถออกแบบกลไกการแก้ไขปัญหาที่ท้าทายสังคม การมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือจึงถูกใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ซึ่งมีปลายทางเป็นการแก้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

บพค. ได้มุ่งพัฒนากำลังคนทักษะสูง (High Skill Workforce) ตอบโจทย์นโยบายของประเทศและกระทรวง อว. โดยเน้นการพัฒนาตาม Demand-driven ของภาคอุตสาหกรรม โดยร่วมกับสภาอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย และบริษัทอุตสาหกรรมไทยหรือต่างประเทศที่มีที่ตั้งในประเทศไทย ผ่านกลไก Upskill-Reskill ที่ไม่ใช่แค่การอบรมทักษะทั่วไป แต่เป็นระบบที่ดึงบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามาร่วมกำหนดสเปคและทักษะที่ต้องการ เช่น Infineon, AWS, Silicon Craft, Western Digital และบริษัทไทยชั้นนำต่าง ๆ เป็นต้น และมีมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และสถาบันมูลนิธิ สภาอุตสาหกรรม ร่วมออกแบบหลักสูตรในการพัฒนากำลังคนทักษะสูง ซึ่ง บพค. สนับสนุนงบประมาณ 80-90% และบริษัทร่วมลงทุน 10-20% จึงเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนด้านการพัฒนากำลังคนที่จับต้องได้ที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย
บพค. ตั้งเป้าหมายการพัฒนากำลังคนทักษะสูง ตามบริบทของ Value Chain ของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีบทบาทอยู่ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ เป็นจำนวนกว่า 7,500 คนภายใน 2 ปี (พ.ศ. 2568 – 2569) ครอบคลุม 3 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ได้แก่ Semiconductor, EV และ AI รวมทั้งจัดทำแผนการส่งเสริมธุรกิจ AI และนักพัฒนาไทยให้สามารถเข้าสู่ AI Industry Value Chain ของโลกได้ โดยกำหนดเป้าหมายผลลัพธ์อย่างชัดเจนว่า อย่างน้อย 50% ของจำนวนผู้สำเร็จโครงการต้องได้รับการจ้างงานใหม่ (New Hiring) หรือได้รับการปรับอัตราค่าตอบแทน (เงินเดือน) สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอย่างน้อย 2%

ช่วงตอบคำถามของสื่อมวลชนในงานดังกล่าวด้านอุตสาหกรรม AI ดร.ณิรวัฒน์ ผู้อำนวยการ บพค. กล่าวว่าในปีงบประมาณ 2568 บพค. ได้สนับสนุนการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรม Cloud AI Provider 400 คน, System Integrator 525 คน และ AI Adopter 2,289 รวมจำนวนกว่า 3,214 คน และยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2569 โดยมีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกและบริษัทไทยชั้นนำ อย่างเช่น Infineon, Seagate Technology, บริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด, บริษัท เดฟโดรนแมพเปอร์ จำกัด และ Amazon Web Services เป็นต้น ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น
1. บริษัท เดฟโดรนแมพเปอร์ จำกัด พัฒนากำลังคนด้านการใช้ฐานข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศปัญญาประดิษฐ์ (Geo-AI) ในการนำเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าด้านโลกและอวกาศ ร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Geointelligence (GeoAI) มาเป็นกลไกหลักในการ “ฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่” จากวิกฤตอุทกภัยปี 2568 มุ่งเน้นการสร้าง “คน” ผ่านการลงมือทำจริงในการต่อยอดทักษะและองค์ความรู้เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศ พร้อมฐานข้อมูลสำรวจแบบ Rapid Mapping ส่งมอบ “แผนที่ภาพถ่าย 360 องศา (Street View Map)” ให้เป็นฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อการสนับสนุนแผนฟื้นฟูและเยียวยาเมืองหาดใหญ่ที่แม่นยำและโปร่งใส และ ต่อยอด ศูนย์ข้อมูลกลางภูมิสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการน้ำท่วมหาดใหญ่ (Hat Yai Geospatial Data Center) ซึ่งเป็นตัวอย่างกำลังคนทักษะสูงด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ที่ผ่านการอบรมไปแล้วนำทักษะมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น
2. บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาทักษะบุคลากรด้าน Advanced Electronics, Semiconductor และ Wafer Fabrication สร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการวิเคราะห์วัสดุ และพัฒนาบุคลากรด้าน Artificial Intelligence Machine Learning (AIML) ให้มีทักษะตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการประยุกต์ใช้งานได้จริง ผ่านการใช้ Use Case จริงของบริษัท โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม Upskill/Reskill ทั้งวิศวกรของบริษัทฯ กำลังคนในเครือข่ายซัพพลายเชน และบุคลากรทั่วไป จำนวนกว่า 1,000 คน เกิดการจ้างงานใหม่และขึ้นเงินเดือนตามสมรรถนะตามที่ บพค. กำหนด นอกจากนี้ โครงการฯ ได้ส่งคณาจารย์และนักวิจัยจำนวน 5 คน เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับ Seagate ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เพื่อเสริมสร้างทักษะในกระบวนการผลิตจริงและถ่ายทอดองค์ความรู้กลับมายังสถาบันการศึกษาและเครือข่ายในประเทศ ซึ่งสามารถขยายผลการสร้างคนที่มีทักษะสูงต่อไปได้อีกด้วย
