
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปีสมาคมอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งเอเชีย (ASPA Annual Conference 2025) ครั้งที่ 28 ภายใต้แนวคิด “บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการส่งเสริมองค์กรธุรกิจสู่เส้นทาง ESG” (The Role of Science and Technology Parks in Facilitating Corporates on the ESG Journey) จัดโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผ่านอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวง อว. โดยมี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และ รศ.ดร.พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ รองผู้อำนวยการ บพค. พร้อมด้วยผู้บริหารจากอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม กว่า 15 ประเทศในเอเชียและยุโรปเข้าร่วม ณ Grand Ballroom ชั้น 2 โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ
นางสาวพิมพ์พร กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้เป็นมากกว่าการประชุมวิชาการ แต่เป็นเวทีของพันธมิตรนานาชาติที่ร่วมกันขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ โดยอุทยานวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแนวคิดด้าน ESG หรือ Environmental, Social, and Governance ที่มุ่งให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วนคำนึงถึงความรับผิดชอบในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล จากเจตนาสู่การปฏิบัติจริง เพื่อขยายการเข้าถึงเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรมให้เกิดผลเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยใช้การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ ทำให้การพัฒนานวัตกรรมเกิดขึ้นได้ในทุกภูมิภาค”


เลขา รมว.อว. กล่าวเสริมว่า “การรวมตัวกันภายใต้ ASPA 2025 นี้ มีทั้งโอกาสและความรับผิดชอบในการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้าน ESG ขององค์กรธุรกิจ กระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายระดับภูมิภาค และแสดงให้เห็นว่าอุทยานวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานด้านการวิจัยและพัฒนา แต่เป็นพื้นที่ที่เร่งให้ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตได้เร็วขึ้นผ่านการเชื่อมโยงกับทุกมิติที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน“
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจานงค์ กล่าวว่า สวทช. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และเป็นแกนกลางของระบบนิเวศนวัตกรรมของชาติ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง ที่จะใช้ศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้ก้าวสู่เส้นทาง ESG อย่างเป็นรูปธรรม โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการตอกย้าถึงศักยภาพ ความพร้อมและความมุ่งมั่นของประเทศในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงบทบาทสาคัญของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยในการเป็นกลไกหลักเพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การประชุม ASPA 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3–6 พฤศจิกายน 2568 มีผู้นำจากอุทยานวิทยาศาสตร์กว่า 15 ประเทศทั่วเอเชียและยุโรป รวมถึงภาคเอกชน นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด ความร่วมมือ และทิศทางการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลก โดยตลอดการจัดงานมีการบรรยายและเสวนาในประเด็นสำคัญ อาทิ “เสริมพลังพันธมิตรบนเส้นทาง ESG: ข้อมูลเชิงลึกจากเขตนวัตกรรมกลาสโกว์” “ความร่วมมือข้ามพรมแดนด้าน ESG” และ “รูปแบบธรรมาภิบาลเพื่อสนับสนุนอุทยานวิทยาศาสตร์และสตาร์ทอัป” รวมถึงการแลกเปลี่ยนกรณีศึกษาจากสตาร์ทอัปไทยและภูฏาน เพื่อถ่ายทอดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจนวัตกรรมตามหลัก ESG อย่างเป็นรูปธรรม และการเสวนาที่น่าสนใจในหัวข้ออื่น ๆ อีกมากมาย


บพค. ในฐานะหน่วยบริหารและจัดการทุนที่มุ่งพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงและสนับสนุนการวิจัยขั้นแนวหน้า พร้อมผลักดันระบบนิเวศและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ ได้ร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือกับเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ทั้งในและพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงการวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคมอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการต่อยอดเทคโนโลยีต้นน้ำจากผลงานวิจัยของไทยให้เข้าสู่การพัฒนาและลงทุนจริงในภาคเอกชน สตาร์ทอัป และนักลงทุน ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค อันจะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศไทย และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG อย่างสมบูรณ์
