
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) โดย ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการ บพค. มอบหมายให้ ดร.ศุภฤกษ์ บุพศิริ นักวิเคราะห์อาวุโส บพค. ร่วมเดินทางเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายทะเลย่านชายฝั่งทะเลแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี พร้อมคณะนักวิจัยในโครงการการสร้างสาหร่ายสายพันธุ์ใหม่ด้วยนวัตกรรมชีววิทยาสังเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของประเทศไทย โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นวดล เหล่าศิริพจน์ ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นหัวหน้าโครงการให้การต้อนรับและนำชม
ทั้งนี้ ยังเป็นเกียรติในโอกาสต้อนรับ Professor Dr. Lene Lange, Director of BioEconomy, Research & Advisory และ Founder of LL-BioEconomy ประเทศเดนเมาร์ก ผู้มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพอันเนื่องมาจากสภาวะภูมิอากาศโลกแปรปรวนในเวทีสำคัญระดับนานาชาติสหภาพยุโรป โดยมีคณะผู้ร่วมศึกษาดูงานจากศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญสนับสนุนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Hub of Talents to Support Net Zero GHG Emissions) กว่า 15 คน ร่วมเดินทางไปยังฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล 3 แห่ง ได้แก่ แฟมิลี่ฟาร์ม ฟาร์มคุณชาย และโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

วัตถุประสงค์ของการศึกษาดูงานและลงพื้นที่ชมฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายในครั้งนี้ เพื่อศึกษากรรมวิธีการดูแลเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลทั้งสองชนิด (สาหร่ายพวงองุ่น สาหร่ายผักกาดทะเล) และการรับโจทย์วิจัยจากพื้นที่จริงต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีปรับปรุงพันธุ์สาหร่ายด้วยชีววิทยาสังเคราะห์หรือที่เรียกว่า Synthetic Biology (SynBio) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสาหร่ายให้เป็นวัสดุชีวมวลพลังงานที่ยั่งยืนหรือแม้แต่รูปแบบของอาหารแปรรูปคุณภาพสูง สร้างองค์ความรู้ใหม่ให้แก่แวดวงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย โดยโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยของ บพค. ผ่านแผนงาน N42(S3P19) พัฒนาและประยุกต์ใช้องค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า เพื่อสร้างและพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและบริการแห่งอนาคต รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงของประเทศและการป้องกันประเทศ ผ่านการทำงานรูปแบบ Consortium-driven platform รวบรวมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็น Frontier Science Alliance ของธัชวิทย์มิติที่ 2 ส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญให้ทำงานวิจัยขั้นแนวหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาที่สำคัญระดับชาติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมได้

สาหร่ายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่พืช สามารถพบได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม สามารถสังเคราะห์แสงได้ด้วยตนเอง มีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าพืชบนบกถึง 30 เท่า มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาหร่ายทะเลทั้งสองชนิดดังกล่าวมีโปรตีนสูงมาก (ประมาณ 23 – 30% ของน้ำหนักแห้ง) วิตามิน ใยอาหารและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมและถูกกล่าวขานว่าเป็น “อาหารแห่งอนาคต (Future Food)” น้องใหม่ที่สามารถปรุงอาหารได้หลากหลายกรรมวิธีและแปรรูปได้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้อย่างดี
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะโลกรวน (Climate Change) เกิดผลกระทบไปทั่วทุกพื้นที่ของโลก พื้นที่ระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายทั้งสองชนิด โดยเฉพาะเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนัก ผลผลิตที่ได้จากการเพาะเลี้ยงสาหร่ายจะไม่สามารถส่งออกเพื่อขายได้ เนื่องจากซูโอสปอร์ของสาหร่ายผักกาดทะเลไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ และการก่อตัวของสาหร่ายพวงองุ่นถูกละลาย (ฝ่อ) ไปพร้อมกับฝน ด้วยสภาวะอันเปราะบางของการเพาะเลี้ยงสาหร่ายนี้ จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายอย่างยิ่งต่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ Solution ที่ดีที่สุด สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด พร้อม ๆ กับการดูแลรักษาระบบสิ่งมีชีวิตกับระบบนิเวศที่สมดุลให้คงอยู่ได้ตราบนาน