
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบหมาย ดร.จิตติ มังคละศิริ รองผู้อำนวยการ บพค. เดินทางร่วมกับ รศ.ดร.ดวงมณี ว่องรัตนะไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ ผศ.ดร.สาคร ริมแจ่ม ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค และคณะนักวิจัยในเครือข่ายศูนย์ฯ เข้าร่วมเยี่ยมชมและหารือความร่วมมือ ณ ศูนย์นิชินะเพื่อวิทยาศาสตร์ด้านเครื่องเร่งอนุภาค (The Nishina Center for Accelerator-Based Science) 
คณะฯ ได้เดินทางไปยัง ศูนย์นิชินะฯ สถาบัน RIKEN (ญี่ปุ่น) ศูนย์กลางการวิจัยระดับโลกที่ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อศึกษาวิจัยพื้นฐานของสสาร การกำเนิดของธาตุ และความเป็นไปได้ในการแปรรูปธาตุ (Element Transmutation) การเยี่ยมชมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก Dr. Isao Watanabe นักวิทยาศาสตร์วิจัยอาวุโส สถาบันวิจัย RIKEN นำชมการดำเนินงานของโรงงานผลิตลำไอโซโทปรังสี (RI Beam Factory หรือ RIBF) ซึ่งเป็นเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อการวิจัยทางนิวเคลียร์ โดยผสมผสานเทคโนโลยีเครื่องเร่งไอออนหนักที่มีอยู่เดิมกับชุดเครื่องเร่งพลังงานสูงรุ่นใหม่ล่าสุด เป้าหมายคือการผลิต “ลำแสงไอออนหนัก” ที่มีความเข้มสูงที่สุดในโลก และ “ลำแสงไอโซโทปรังสี (RI beams)” ที่มีพลังงานสูง ด้วยการใช้ชุดเครื่องเร่งใหม่ (SRC) ร่วมกับเครื่องคัดแยก BigRIPS ทำให้ RIBF สามารถสร้างลำแสงพลังงานสูงเพื่อขยายขอบเขตการวิจัยนิวเคลียร์และค้นพบไอโซโทปใหม่ ๆ ในแผนภูมินิวเคลียร์

โอกาสนี้ คณะฯ ได้เข้าพบและหารือร่วมกับ Dr.Hiroyoshi Sakurai ผู้อำนวยการศูนย์นิชินะฯ ทั้งนี้ การหารือมุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นในการพัฒนางานวิจัยระหว่างประเทศไทยและสถาบันวิจัย RIKEN ประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนการต่อยอดสู่การประยุกต์ใช้งานเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม อาทิ ทางการแพทย์ หรือ พลังงาน 
บพค. มีพันธกิจกลักในการส่งเสริมด้านการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงและงานวิจัยขั้นแนวหน้า เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต พร้อมทั้งยังมุ่งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำ อันนำไปสู่การพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวทันผู้นำเทคโนโลยีในเวทีโลก และขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป