เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แถลงนโยบายการขับเคลื่อนกระทรวง อว. โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และผู้บริหารกระทรวง อว. พร้อมด้วย ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ดร.จิตติ มังคละศิริ รองผู้อำนวยการ บพค. ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา รองผู้อำรวยการ บพค. และนางสาวเยาวดี รุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนางานวิจัยขั้นแนวหน้าและเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า บพค. เข้าร่วม ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว. (โยธี)
นายสุรศักดิ์ฯ รมว.อว. กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจที่จะผลักดันงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ให้เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามามารถในการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นแกนหลัก เป็นที่ประจักษ์ว่าการที่ประเทศไทยจะก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้นั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมสมัยใหม่และมีมูลค่าสูง ซึ่งต้องอาศัยกำลังคนทักษะสูง การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการสร้างผู้ประกอบการ หรือ Tech Start-up ให้กับประเทศ ซึ่งกระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้ โดยมีนโยบายเพื่อเป็นทิศทางในการดำเนินงานของกระทรวง อว. แบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ ด้านการพัฒนากำลังคน โดยเน้นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการอุดมศึกษา และการพัฒนากำลังคน เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของด้านที่สองคือ การพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งตนเห็นว่าการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กระทรวง อว. ดำเนินการก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อทั้งภาคเศเศรษฐกิจและสังคม จึงมีนโยบาย ดังนี้
รมว.กระทรวง อว. กล่าวต่อว่า ตนจะทำนโยบาย Quick Win ที่เห็นผลได้จริงภายในระยะเวลา 4 เดือน ควบคู่กับการต่อยอดนโยบายเดิมที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยนโยบายเร่งด่วนแรกคือ การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกับภาวะการว่างงาน ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นปํญหาในวงกว้าง เพราะสถานการณ์ตลาดแรงงานเปลี่ยนไปจากการเข้ามาของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ส่งผลให้กำลังแรงงานตั้งแต่ระดับสูง กลาง และล่างตกงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กระทรวง อว. จะเปิด Upskill-Reskill ให้กับประชาชน โดยให้มหาวิทยาลัยและอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั่วประเทศจัด Upskill-Reskill ในสาขาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน เปิดโอกาสให้แรงงานที่มีประสบการณ์อยู่แล้วได้เข้ามาพัฒนาและเพิ่มพูนทักษะใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคใหม่ และกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง ที่สำคัญ กระทรวง อว. จะดึงหน่วยงานให้ทุนอย่าง Ted Fund, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เป็นต้น มาสนับสนุนทั้งการบ่มเพาะและให้ทุนต่อยอดและสร้างธุรกิจ เพื่อที่แรงงานที่มีประสบการณ์จะได้ผันตัวไปเป็นผู้ประกอบการ SMEs หรือสตาร์ทอัพ อีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว ขณะเดียวกัน กระทรวง อว. ยังตั้งใจที่จะทำให้นักศึกษาและประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้อย่างทั่วถึงที่สุด ในระยะ 4 เดือนอีกด้วย
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า “อีกนโยบายเร่งด่วน คือ การช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยกระทรวง อว. จะทำโครงการ “โดรนเพื่อการเกษตรคนละครึ่ง” เป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปรับใช้ประชาชน ไปรับใช้สังคม โครงการนี้จะช่วยให้เกษตรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการสัมผัสสารเคมี รวมทั้งเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ประหยัดเวลาและแรงงาน โดยมีรูปแบบของนโยบายเป็นการช่วยค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายในการใช้บริการโดรนเพื่อการเกษตรคนละครึ่ง ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาแก้จนอย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ส่งเสริมเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) โดยจะนำร่องในพื้นที่ภาคกลางเป็นอันดับแรกก่อนจะขยายไปในพื้นที่อื่น ขณะเดียวกัน เราจะดึงเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs และสตาร์ทอัพด้านโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งเข้าร่วมโครงการกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมาเป็นผู้ให้บริการเช่าโดรน นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านให้บริการโดรนเพื่อการเกษตรรายย่อยอื่นๆ มาสามารถมาเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมได้อีกด้วย”
“ที่สำคัญ อีกหนึ่งนโยบายที่ตั้งใจจะขับเคลื่อนให้สำเร็จคือโครงการ “มหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) สู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050” โดยให้ความสำคัญกับ 1.การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด 2.การประกาศนโยบาย Net Zero ให้สอดคล้องกับนโยบายของ อว. และนโยบายของรัฐบาล และ 3.การเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมสีเขียว เพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศและยกระดับขีดความสามารถบุคลากรสู่การสร้างงานและเศรษฐกิจสีเขียวในอนาคต ทั้งนี้ จะขับเคลื่อนร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)“ นายสุรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ภารกิจด้านการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงโดยพิจารณาความต้องการของตลาดแรงงานเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ บพค. เพื่อดำเนินการตามนโยบายของ รมว.อว. และเตรียมพร้อมสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทย