เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม The Sustainability Research and Innovation Congress (SRI Congress 2025) ภายใต้แนวคิดหลัก “Shaping a Sustainable Future” มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 16 – 19 มิถุนายน 2568 ณ เชอราตันแกรนด์ ชิคาโก ริเวอร์วอล์ค นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นเวทีความร่วมมือระดับนานาชาติด้านการวิจัยและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ตอกย้ำความสำเร็จของการประชุมเข้าสู่ปีที่ 5 และเป็นครั้งแรกของการจัดงานในประเทศสหรัฐอเมริกาและทวีปอเมริกาเหนือ อันจะเป็นการสร้างความตระหนักที่สำคัญถึงการใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมรับมือสภาวะวิกฤติโลก
โอกาสนี้ ดร.ณิรวัฒน์ฯ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมภาคีเครือข่ายองค์กรที่ทำหน้าที่ให้ทุนวิจัย “Funder Forum on Collective Impact for a Sustainable Future” ซึ่งเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานผู้ให้ทุนจากทั่วโลก เพื่อหารือแนวทางการระดมพลังจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และองค์กรการกุศล สู่การสร้างระบบการสนับสนุนวิจัยและนวัตกรรมที่มีผลกระทบเชิงระบบ (Collective Impact)
โดยโอกาสนี้ บพค. ได้แลกเปลี่ยนแนวทางการออกแบบกลไกการพัฒนากำลังคนขั้นสูงของประเทศไทย โดยเชื่อมโยงการร่วมลงทุนจากภาคอุตสาหกรรมในการสนับสนุนทุนแก่ บพค. ไปยังการใช้ประโยชน์กำลังคนในภาคอุตสาหกรรม 3 สาขาหลัก ได้แก่ Semiconductor, EV และ AI ซึ่งมีกลไกสร้างแรงจูงใจในการดึงดูดให้ร่วมลงทุน ได้แก่
(1) สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Incentives) และ
(2) การคืนเงินลงทุนบางส่วนแก่บริษัทภาคเอกชนที่ร่วมลงทุนไปเป็นค่าจ้างตำแหน่งงานใหม่ หรือค่าตอบแทนที่สูงขึ้นสำหรับผู้ผ่านการอบรมจากโปรแกรมที่สนับสนุนโดย บพค.
โดยกลไกนี้ จะมิได้วัดแค่จำนวนผู้ผ่านการอบรม แต่เน้นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การมีงานทำ (Job Creation) รายได้เพิ่ม (Higher income) และการนำทักษะไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรมและในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการสร้างและพัฒนากำลังคนที่ตรงตามความต้องการของหน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ และมีระบบการพัฒนา ววน. ได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บพค. ยังได้รับเลือกให้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ Advancing Leadership Program (ALP) ที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพในครั้งถัดไป จึงเป็นการตอกย้ำว่า การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ บพค. ในการเชื่อมโยงทุนวิจัยไทยสู่เวทีนานาชาติ พร้อมสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนากำลังคน เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างยั่งยืน